วันที่
23 ต.ค.ของทุกปี
ตรงกับ "วันปิยมหาราช"
เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวันสำคัญของชาติ
และกำหนดให้เป็นวันหยุดราชการ เนื่องจากเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของรัชกาลที่ 5 พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของพสกนิกรไทย
พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณทั้งในการปกครองบ้านเมือง
และพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า
ประชาชนชาวไทยจึงพร้อมใจกันถวายพระราชสมัญญานามพระองค์ "พระปิยมหาราช”
อันมีความหมายว่า "พระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชน”
พระราชกรณียกิจสำคัญ
- การทหารและการปกครองประเทศ
ทรงนำแบบอย่างทางทหารของประเทศแถบยุโรปมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย
มีการจัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้นเป็นครั้งแรก
และทรงตั้งโรงเรียนนายร้อยทหารบกและทหารเรือ
ตลอดจนส่งพระราชโอรสไปศึกษาวิชาการทหารในทวีปยุโรป
- การปกครองประเทศ ทรงให้ตราระเบียบการปกครองขึ้นใหม่
แยกหน่วยราชการออกเป็นกรมกองต่าง ๆ จากเดิมมี 6 กระทรวง
และได้เพิ่มอีก 4 กระทรวง รวมเป็น 10 กระทรวง
ในส่วนภูมิภาคทรงให้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาลขึ้นเป็นครั้งแรก
และให้อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย
- เศรษฐกิจและการคลัง
ทรงให้มีการจัดทำงบประมาณแผ่นดินขึ้น
โดยทรงให้แยกเงินแผ่นดินและเงินส่วนพระองค์ออกจากกัน
และทรงให้จัดตั้งธนาคารขึ้นเป็นครั้งแรก คือ ธนาคารสยามกัมมาจล
- การศึกษา
ทรงให้ตั้งโรงเรียนหลวงแห่งแรกขึ้นในพระบรมมหาราชวัง จัดการเรียนการสอน
แล้วขยายออกไปทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพื่อให้ทั่วถึงประชาชน
ทำให้การศึกษาของไทยได้รับการพัฒนา
- การต่างประเทศ
พระองค์ได้เห็นถึงความสำคัญของการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ
ในรัชสมัยของพระองค์จึงมีการส่งเอกอัครราชทูตไปประจำในต่างประเทศเป็นครั้งแรก
และพระองค์ยังทรงเสด็จประพาสประเทศต่าง ๆ
เพื่อนำวิทยาการสมัยใหม่มาพัฒนาประเทศ
- การคมนาคมและสาธารณูปโภค
ทรงให้สร้างถนนขึ้นหลายสายและทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์สร้างสะพานข้ามคลองและทางรถไฟหลายแห่ง
เช่น สะพานเฉลิมสวรรค์เฉลิมศรี ทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เป็นต้น
- สาธารณูปโภค
ทรงมีพระราชดำริว่าประชาชนควรมีน้ำสะอาดเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค
พระองค์จึงทรงให้ติดตั้งอุปกรณ์สำหรับการทำน้ำประปาขึ้นด้วยทรงอยากให้ประชาชนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
นอกจากนี้
พระองค์ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อเป็นค่าก่อสร้างโรงพยาบาลวังหลัง
ปัจจุบันคือโรงพยาบาลศิริราช เพื่อเป็นสถานที่สำหรับรักษาประชาชนที่เจ็บป่วย
- ศาสนาและศิลปวัฒนธรรม
ในรัชสมัยของพระองค์ได้มีการสังคายนาและจัดพิมพ์พระไตรปิฎกด้วยตัวอักษรไทยเป็นครั้งแรก
และทรงให้มีการตราพระราชบัญญัติปกครองคณะสงฆ์เป็นฉบับแรกด้วย
ส่วนด้านศิลปวัฒนธรรมนั้น ในสมัยของพระองค์ส่วนใหญ่จะได้รับอิทธิพลจากตะวันตก
เนื่องจากพระองค์ได้เสด็จประพาสยุโรป
จึงนำสถาปัตยกรรมตะวันตกมาผสมผสานกับของไทยได้อย่างงดงาม เช่น
พระที่นั่งอนันตสมาคม วัดนิเวศน์ธรรมประวัติ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระราชวังสวนดุสิต และกระทรวงกลาโหม
เลิกทาสให้เป็นไท
พระราชกรณียกิจอีกประการที่สำคัญยิ่งในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
คือ การเลิกทาส พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้มีการเลิกทาสให้เป็นไท
ตั้งแต่พระองค์เสด็จขึ้นครองราชย์
ด้วยทรงไม่ต้องการให้มีการกดขี่เหยียดหยามคนไทยด้วยกันเอง และทรงเห็นว่าการมีทาสเป็นสิ่งที่ล้าสมัย
ไม่เหมาะกับประเทศที่เจริญแล้ว
พระองค์ได้ปรึกษาราชการแผ่นดินในหลายฝ่าย
เพื่อหาวิธีไม่ให้มีเหตุกระทบกระเทือนต่อตัวทาสและเจ้าของทาส ดังนั้นในปี พ.ศ.2416 พระองค์ได้ทรงตราพระราชบัญญัติทาส
ห้ามคนที่เกิดในรัชกาลปัจจุบันเป็นทาส
และต่อมาพระองค์ทรงตราพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท ณ วันที่ 18 ต.ค.2417 ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ
ทำให้ทรงประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการปลดปล่อยทาสให้เป็นไทโดยไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อแม้แต่หยดเดียว
ข้อมูลจาก : กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรม
|